DIARY


การเดินทางของชีวิต


การเดินทางของชีวิต..
มิใช่มีเพียงต้องเดินหน้าเสมอไป
บางครั้งเราก็อาจต้องถอยหลังบ้าง
เพื่อจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้ยาวไกลขึ้น
เป็นการถอยเพื่อจะก้าวต่อ
มิใช่ถอยเพื่อจะท้อหรือทอดวาง
เพราะบางครั้งการขืนดึงดันที่จะก้าวต่อ...
ทั้งที่รู้ว่าอาจเกิดอันตรายจะมีประโยชน์อันใด
การจะก้าวข้ามฝั่ง “สายน้ำชีวิต” ยามที่ไม่มีสะพานให้ก้าวข้าม
บางครั้งเราอาจต้องยอมเดินย้อนถอยกลับไป
เพื่อหาวิธีข้ามสู่อีกฟากฝั่งโดยใช้ “สะพานใจ”

เช่นเดียวกับยามที่เจอะเจอปัญหา
ลองถอยห่างออกแล้วมองเข้าไป... 
ว่าเราจะหาทางออกต่อได้อย่างไร ?.. 
เพราะถ้าเราจมอยู่กับปัญหาหนทางก็อาจจะยิ่งมืดมน
การถอยหรือหลบเลี่ยงมิใช่ว่าเป็นการแพ้หรือล้มเหลว
แต่คือท่วงทำนองของการดำเนินชีวิต...
ถ้าบางครั้งจำเป็นต้องหยุดนิ่งบ้าง...
ก็คงไม่ใช่เรื่องต้องทุกข์ร้อนหรือผิดอันใด
หยุดนิ่งเพื่อไตร่ตรองและก้าวต่อ
คงดีกว่าขืนดึงดันจนเหยียบ “กับดักของชีวิต”
ที่บางครั้งอาจทำให้เราเดินต่อได้ยากยิ่งกว่า

ก้าวที่เดินไป...จุดที่ยืนอยู่...
ไม่สำคัญว่าจะยิ่งใหญ่มากหรือน้อยกว่าใครๆอื่น...
เพราะองค์ประกอบ ปัจจัย และโอกาส
ของแต่ละคนย่อมมีแตกต่างกันไป...
เพียงเราตระหนักในคุณค่าของตัวเอง
ในสิ่งที่เราทำ ในก้าวที่เราก้าว
และรู้ว่าทุกหน้าที่การงาน...
ทุกภาระความรับผิดชอบ ล้วนมีคุณค่าในตัวเอง

ก้าวอาจช้าไปบ้าง  ...
ข้างทางอาจไม่เป็นอย่างที่หวังไปทั้งหมด 
แต่อย่างน้อยเราก็ภูมิใจได้มิใช่หรือ
ที่ขณะเวลาที่ผ่านไป...
เราได้สร้างคุณค่าด้วยสองมือ ของเราเอง
ที่ความยิ่งใหญ่อยู่ที่ความทุ่มเทด้วยกายและใจ
ที่ความสำเร็จอยู่ที่เราได้ลงมือทำด้วยความตั้งใจ
เพียงอย่าหวั่นกังวลกับจังหวะที่เดิน...
ว่าจะเหมือนหรือต่างจากใคร...
เพราะชีวิตย่อมก้าวไปด้วยจังหวะของเราเอง ..มิใช่หรือ ...
.
"ช่วงหนึ่งในการเดินทางของชีวิต อาจจะดูมืดมิดไร้จุดหมายไปบ้าง
ถึงจะไกลแค่ไหนกับระยะทาง ก็ไม่เคยคิดจะปล่อยวางทิ้งมันไป
บางทีก็ต้องอยู่อย่างเหงา-เหงา บางทีก็เศร้า-เศร้า อยากจะร้องไห้

บางครั้งความสุขเข้ามาแล้วก็จากไป ไม่เคยเห็นมีอะไรที่แน่นอน.."
นี่แหละ..คือ "ชีวิต"

ตำนานดอกกุหลาบ



  กุหลาบ เป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้ เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย
              ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ
             ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิจีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย
               กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม


บางครั้ง..ในความรัก..ถ้าเราคิดให้ดี


บางครั้ง..ในความรัก…ถ้าเราคิดให้ดี
รุ้งก็ฉายความสวยงามมาออกเอง
…ว่าตอนไหน..ที่ใด..เวลาไหน…..…แบบที่เรากำหนดไม่ได้
เช่นความรัก…เราไม่ต้องไปคอยค้นคว้าตามหา..
ถึงเวลาจะมาเองตามธรรมชาติ…
และความรักมีสีสรรที่สวยงามเสมอที่ใจเราเอง
บางครา..อาจจะเปลี่ยนสีให้จางลง…หรือเข้มข้น…มากขึ้น
แล้วแต่สภาวะสิ่งรอบตัว…เช่นสายรุ้ง…บางทีเราเห็นได้ชัดเจน..บางที..ห่างไกล
แต่ความคงที่..คือ..
ความสวยงามในความรู้สึกของเราเสมอที่ได้สัมผัส…ทางใจเสมอมา
เพียงแค่..เราต้องใช้เวลา…รอคอย..ที่จะได้สัมพัส…กับความรัก
และ..เมื่อพบเจอแล้ว….
เราจงถามตัวเราเองว่า..
เราพอใจหรือยัง…ที่จะรับที่จะนำเข้ามาในชีวิตเราแบบไหน
บางครั้ง…อาจจะจางหายไป..เป็นบางเวลา…
เพราะมรสุมต่างๆที่ทำให้มีความเปลี่ยนแปลง….
ตามวิถีของกฎเกณตามธรรมชาติ…ที่มีทั้งผ่านเข้ามา..และ จากไป
เราเพียงแต่ใช้ความอดทน…อีกครั้ง..หรือหลายครั้ง…..
รอเวลา..ฟ้าหลังฝน……ก็จะเจอกับรุ้งงามนั้นอีกครา….รักษาเวลาที่มีนั้นให้นานที่สุด
ให้มองด้วยความรู้สึกที่ดี….เก็บสิ่งสวยงามนั้นไว้….ให้นานที่สุดในใจเราเอง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราคิด ทำ ให้ดี เราะจะไม่มีคำว่า เราน่าจะ…. ทำมันก่อนหน้านั้น

...................................................................................




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น